วิธีซ่อน IP Address ของคุณในปี 2025: มี 9 วิธี, 7 วิธีฟรี

IP Address ของคุณไม่ได้บอกเฉพาะตำแหน่งที่อยู่ของคุณ — มันจะทำให้เว็บไซต์, ผู้โฆษณา และอาชญากรไซเบอร์สามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณและสร้างโปรไฟล์อย่างละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมของคุณได้ ข้อมูลนี้สามารถถูกนำไปใช้เพื่อติดตามดูพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณ, บล็อกเว็บไซต์ตามภูมิภาคที่คุณอยู่ หรือใช้เพื่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบระบุเป้าหมายได้

มีหลายวิธีในการจะซ่อน IP ของคุณแต่การใช้ VPN จะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด, ปลอดภัยที่สุดและเชื่อถือได้มากที่สุด มันจะเข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณและเปลี่ยนเส้นทางมันไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัย และเป็นการแทนที่ IP จริงของคุณด้วย IP ที่เซิร์ฟเวอร์จัดสรร นี่จะป้องกันไม่ให้คนอื่นมาดูตำแหน่งการเชื่อมต่อที่แท้จริงของคุณหรือเฝ้าติดตามดูสิ่งที่คุณทำบนโลกออนไลน์

คุณควรจะเลี่ยงวิธีการซ่อน IP address ที่มีความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น VPN ฟรีบางรายหรือพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อาจจะใช้อุปกรณ์ของคุณเป็นโหนด หมายความว่าในขณะที่คุณเปลี่ยน IP address ก็อาจจะมีผู้ใช้งานคนอื่นบนเครือข่ายมาใช้ IP ของคุณแทน และผลที่ตามมาก็คือ IP นั้นอาจจะถูกสะกดรอยกลับมาหาคุณ ถ้าพวกเขานำมันไปใช้ทำเรื่องผิดกฎหมายบนอินเทอร์เน็ต

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ The How To Guide ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ ExpressVPN อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา

วิธีการซ่อน IP ที่ดีที่สุดในปี2025

1.ใช้ VPN — วิธีที่ง่ายที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการซ่อน IP ของคุณ

VPN นั้นเป็นวิธีการที่สะดวกที่สุด, เชื่อถือได้มากที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการซ่อน IP และปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณ เมื่อคุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN มันจะทำการสร้างอุโมงค์แบบเข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์ของคุณและอินเทอร์เน็ต ทราฟฟิคทั้งหมดของคุณจะถูกส่งไปยังอุโมงค์นี้ และเว็บไซต์ก็จะเห็นเฉพาะ IP Address ของเซิร์ฟเวอร์ VPN แทนที่จะเห็น IP Address จริงของคุณ การเข้ารหัสนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ ISP, แฮ็กเกอร์ และบุคคลที่สามรายอื่น ๆ มาสอดแนมกิจกรรมออนไลน์ของคุณด้วย

ไม่มีการรั่วไหลของ IPv6 ในการทดสอบของเรา

การใช้ VPN นั้นง่ายเหมือนกับการใช้แอปทั่วไป อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุก VPN จะถูกสร้างมาให้เท่าเทียมกัน บางตัวนั้นยังอาจจะต้องทำการตั้งค่าขั้นสูงก่อน ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ VPN ที่มีแอปเนทีฟซึ่งสามารถใช้งานกับอุปกรณ์ของคุณได้นั้นจึงเป็นตัวเลือกที่เราแนะนำมากที่สุดเพื่อให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหล

2. เชื่อมต่อไปยังพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ — เป็นวิธีการขั้นพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยน IP อย่างเร็วแต่มันจะไม่ปลอดภัยสักเท่าไร

พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับอินเทอร์เน็ต เมื่อคุณส่งคำร้องผ่านไปยังพร็อกซี่ มันก็จะส่งต่อทราฟฟิคของคุณด้วยการใช้ IP Address ของมันเอง และจะปิดบังตำแหน่งที่แท้จริงของคุณจากเว็บไซต์ มีธุรกิจอยู่มากมายที่ใช้พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ในการทดสอบเว็บไซต์ของพวกเขาในตำแหน่งต่าง ๆ หรือเพื่อใช้บริหารจัดการบัญชีโซเชียลมีเดีย

พร็อกซี่ชนิดต่างๆก็จะตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน พร็อกซี่ HTTP จะใช้งานได้ดีกับการท่องเว็บ, พร็อกซี่ SOCKS5 จะจัดการกับทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตได้ทุกประเภท และพร็อกซี่ residential จะใช้ที่อยู่ IP จริงจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

Oxylabs จะมีให้ทั้งแบบ residential IP และ Datacenter กับ Mobile IP Address

อย่างไรก็ตาม พร็อกซี่นั้นจะมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับ VPN มันจะไม่ได้เข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณ ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถเข้ามาสอดแนมการเชื่อมต่อของคุณและสามารถดูกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้ นอกจากนี้ บริการส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องมือบล็อก IP ยังอาจจะบล็อก IP ที่บริการพร็อกซี่ใช้ไปแล้วด้วย

พร็อกซี่ฟรีนั้นอาจจะมีความเสี่ยงด้วยเนื่องจากผู้ให้บริการนั้นสามารถจะสอดแนมข้อมูลของคุณได้ เพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น คุณควรจะลองดูบริการพร็อกซี่แบบพรีเมียมซึ่งมีการป้องกันขั้นพื้นฐานและมีการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้มากกว่า

3.ใช้ IP Scrambler — ปลอดภัยแต่คุณอาจจะต้องซื้อชุดเครื่องมือความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ

IP Scrambler จะเปลี่ยน IP Address ของคุณแบบไดนามิกตามช่วงเวลาที่กำหนด การเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แบบนี้จะทำให้การติดตามสอดแนมกิจกรรมออนไลน์ของคุณกลายเป็นเรื่องยาก ข้อเสียก็คือมันมักจะไม่มี IP Scrambler แบบสแตนด์อโลน มันมักจะมาแบบเป็นแพ็กเกจ คุณมักจะต้องผูกมัดด้วยการซื้อแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสที่ครอบคลุม

VPN บางรายจะมีฟีเจอร์นี้ให้ใช้งานได้ ซึ่งเมื่อรวมกับการเข้ารหัสแล้ว ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับใช้ทำให้การติดตาม IP Address จริงกลายเป็นเรื่องยาก หนึ่งใน VPN แบบที่กล่าวถึงก็คือ Surfshark ซึ่งมี IP หมุนเวียน

สิ่งนี้จะทำงานในพื้นหลัง และคุณจะเชื่อมต่ออยู่ตลอดแม้จะเป็นช่วงเปลี่ยน IP Address ก็ตาม

4. ใช้เบราว์เซอร์ Tor — ตัวเลือกที่ค่อนข้างปลอดภัยซึ่งมีความเร็วต่ำ

เบราว์เซอร์ Tor จะซ่อน IP Address ของคุณด้วยการเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคไปยังเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์อาสาทั่วโลก แต่ละครั้งที่คุณเชื่อมต่อ Tor จะสร้างเส้นทางที่ไม่ซ้ำกันโดยใช้อย่างน้อยสามเซิร์ฟเวอร์ที่แตกต่างกันเพื่อปิดบัง IP Address และตำแหน่ง นักข่าวและผู้ที่สนับสนุนเรื่องความเป็นส่วนตัวหลายรายต่างก็เลือกใช้ Tor เพื่อปกป้องการสื่อสารเรื่องที่ละเอียดอ่อน

เบราว์เซอร์ Tor ดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เข้าถึง surface web ทั่วไปได้อย่างมีความเป็นส่วนตัว

เบราว์เซอร์นี้จะมีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่ติดมาในตัวอย่างการบล็อกสคริปต์และการป้องกันลายนิ้วมือ มันยังล้างประวัติการท่องเว็บและคุกกี้ของคุณโดยอัตโนมัติด้วยตอนที่คุณปิดมันด้วย ทุกครั้งที่คุณเริ่มเซสชั่นใหม่ Tor ก็จะจัดสรร IP Address ใหม่ให้คุณด้วย ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่เว็บไซต์ต่าง ๆ จะมาติดตามกิจกรรมของคุณได้

ความเร็วในการเชื่อมต่อนั้นอาจจะช้ากว่าเนื่องจากมีการส่งข้อมูลไปหลายเซิร์ฟเวอร์ เว็บไซต์ที่มีความสำคัญบางเว็บไซต์นั้นอาจจะต้องให้คุณยืนยันตัวเพิ่มเติมเมื่อเข้าถึงเว็บไซต์จากโหนดของ Tor และคุณก็ควรจะจำไว้ด้วยว่าโหนดนั้นถูกดูแลรักษาโดยจิตอาสา และในอดีตก็เคยมีเหตุการณ์ว่าบางโหนดนั้นสอดแนมและดัดแปลงการเชื่อมต่อของผู้ใช้งานด้วย เพื่อความปลอดภัยที่ดีกว่านี้ คุณสามารถใช้ Tor ควบคู่ไปกับ VPN ได้

5. สร้างฮอตสปอตบนสมาร์ทโฟนของคุณ — เป็นวิธีการที่ใช้งานได้ในทันทีแต่อาจมีราคาสูง

คุณสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้กลายเป็นฮอตสปอตเพื่อใช้เป็นตัวเลือกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้สำหรับอุปกรณ์เครื่องอื่น ๆ ของคุณ ซึ่งนี่ก็จะเป็นการซ่อน IP ดั้งเดิมไปในตัว นี่ยังเป็นวิธีการแก้ไขในกรณีที่คุณไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนเดสก์ท็อป PC อีกด้วย วิธีการนี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง ขึ้นกับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือที่คุณใช้

นี่เป็นภาพหน้าจอจาก iPhone แต่สำหรับอุปกรณ์ Android ก็ง่ายไม่แพ้กัน

หากต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นอีก คุณสามารถเปลี่ยน IP Address ของมือถือได้ด้วยการใช้ซิมการ์ดแบบพรีเพด นี่เป็นสิ่งที่นักเดินทางส่วนใหญ่จะใช้งานเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศและต้องการใช้ IP ในประเทศนั้นชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการโรมมิ่ง

6. ใช้ WiFi สาธารณะ — ส่วนใหญ่จะใช้งานได้ฟรีแต่การเชื่อมต่อนั้นอาจมีความเสี่ยง

เครือข่าย WiFi สาธารณะเป็นตัวเลือกอย่างง่ายในการเปลี่ยน IP Address ของคุณเมื่อคุณเดินทางไปข้างนอก แต่ละเครือข่ายที่คุณเชื่อมต่อไปจะจัดสรรที่อยู่ IP ที่แตกต่างกันให้คุณ ทำให้มันมีประโยชน์สำหรับการเปลี่ยนตำแหน่งขั้นพื้นฐาน

ไอคอนแม่กุญแจจะบ่งบอกว่าฮอตสปอตเหล่านี้ต้องใส่รหัสด้วย

เครือข่ายแบบนี้จะมีให้ใช้งานได้ในหลายแห่ง เช่น ร้านกาแฟ, ห้องสมุด และศูนย์การค้า บางที่อาจจะมีการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่เหมาะสำหรับการสตรีมมิ่งหรือการดาวน์โหลดไฟล์ให้ใช้เลยด้วย อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าบางแห่งก็อาจจะมีการบล็อกเนื้อหาหรือข้อจำกัดอื่น ๆ ได้เช่นกัน

เครือข่ายสาธารณะนั้นจะมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเนื่องจากมันเปิดให้ทุกคนใช้งานได้และก็อาจจะถูกสอดแนมขอให้คุณหลีกเลี่ยงการเข้าถึงข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน หรือการกรอกข้อมูลส่วนตัว ยกเว้นว่าคุณจะปกป้องตัวเองอีกชั้นหนึ่งอย่างเช่นการใช้ VPN แล้ว

7. ใช้ Cloudflare Tunnel — การเข้าถึงจากระยะไกลโดยไม่ต้องเปิดเผย IP แต่จะไม่ครอบคลุมอุปกรณ์แบบเฉพาะเครื่อง

Cloudflare Tunnel นั้นเป็นอีกตัวเลือกที่ปลอดภัยเพื่อทดแทนการใช้ port forwarding แบบดั้งเดิม มันค่อนข้างมีประโยชน์ถ้าบริการของคุณเป็นแบบ self-hosted (เช่นเซิร์ฟเวอร์สื่อ เว็บแดชบอร์ด หรือ dev environment) และต้องการเข้าถึงจากระยะไกลโดยไม่เปิดเผยที่อยู่ IP บ้านของคุณ

อุโมงค์นี้จะทำงานโดยการสร้างการเชื่อมต่อแบบขาออกเท่านั้น จากเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ของคุณไปยังเครือข่าย Cloudflare นี่จะเป็นการปิดบัง IP address ของคุณ ไม่ให้คนที่เข้าใช้บริการของคุณจากระยะไกลสามารถดู IP ได้ แทนที่จะเชื่อมต่อโดยตรงมายัง IP ของคุณ ผู้ใช้งานจะเชื่อมต่อไปยังโดเมนที่ Cloudflare เป็นผู้จัดการ และ Cloudflare ก็จะเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคุณอย่างปลอดภัย

ในขณะที่ Cloudflare Tunnel นั้นจะไม่ได้ซ่อน IP อุปกรณ์ของคุณในขณะที่เรียกดูเว็บ เหมือนอย่างกับที่ VPN ทำให้ แต่มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทำหน้าที่ reverse proxy และการรักษาความเป็นส่วนตัวในขณะที่โฮสบริการจากบ้านหรือเครือข่ายส่วนตัว

ตารางเปรียบเทียบอย่างเร็ว: วิธีการซ่อน IP ที่ดีที่สุด

ตารางด้านล่างจะเปรียบเทียบฟีเจอร์หลักของแต่ละวิธีสำหรับการซ่อน IP ของคุณ เราจะเน้นที่ปัจจัยสำคัญอย่างความปลอดภัย, ความเร็ว และความสะดวกในการใช้งานเพื่อช่วยให้คุณเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของคุณ

วิธีการอื่นๆในการซ่อน IP Address

ยังมีวิธีอื่นๆอีกมากมายในการซ่อน IP และใช้ IP ใหม่ วิธีเหล่านี้อาจจะไม่ได้มีความเป็นส่วนตัวในระดับเดียวกัน แต่มันก็อาจจะมีประโยชน์ในบางสถานการณ์ได้

• ถอดปลั๊กโมเด็มของคุณ ตัดการเชื่อมต่อเป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาที หลังจากที่คุณกลับมาเชื่อมต่ออีกครั้ง ISP ของคุณอาจจะจัดสรร IP Address ใหม่ให้กับคุณ วิธีนี้จะไม่ได้ผลถ้าคุณได้รับการจัดสรร IP แบบคงที่จาก ISP
• ติดต่อ ISP ของคุณ คุณสามารถขอ IP Address ใหม่โดยตรงจาก ISP ได้ บาง ISP จะคิดค่าใช้จ่ายสำหรับบริการเช่นนี้ และก็อาจจะถามคุณด้วยว่าทำไมจึงต้องการเปลี่ยน
• ใช้ไฟร์วอลล์ NAT นี่จะเป็นการสร้างเครือข่ายระยะใกล้ที่ซึ่งอุปกรณ์หลายเครื่องจะแชร์ IP Address สาธารณะเดียวกัน มันจะเป็นการป้องกันขั้นพื้นฐานแต่มันจะไม่ได้ซ่อนตำแหน่งหรือข้อมูลส่วนตัวของคุณจากเว็บไซต์
• ลองใช้ IPv6 ขอให้ ISP ของคุณเปลี่ยนให้คุณไปใช้ IPv6 โปรโตคอลที่ใหม่กว่านี้มักจะจัดสรร IP Address หลาย IP ให้กับการเชื่อมต่อของคุณ ทำให้การติดตามคุณกลายเป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้น
• ใช้ browser isolation บางเบราว์เซอร์และบางส่วนขยายเบราว์เซอร์สามารถสร้างเซสชั่นแยกได้ ซึ่งเซสชั่นนี้จะรันบนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล และจะแสดง IP Address ที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้มักจะมีฟีเจอร์ที่จำกัด และก็มีความเร็วที่ต่ำกว่า
• เปลี่ยน IP Address ภายใน ใช้คำสั่งใน Command Prompt (ipconfig /release และ /renew) บน Windows หรือการตั้งค่าเครือข่ายบน Mac เพื่อที่จะได้รับ IP ภายในใหม่ นี่จะเป็นการเปลี่ยนเฉพาะที่อยู่ของอุปกรณ์ภายในเครือข่ายของคุณ ไม่ใช่ IP สาธารณะของคุณ

IP Address คืออะไรซ่อนมันแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร

IP Address เป็นเหมือนตัวระบุอุปกรณ์ของคุณบนอินเทอร์เน็ต คิดซะว่ามันเป็นเหมือนถนนที่อยู่บ้านของคุณ มันจะบอกเว็บไซต์ว่าให้ส่งข้อมูลที่คุณร้องขอไปที่ไหน และจะรับการตอบสนองจากที่ไหน ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะได้รับการจัดสรร IP Address ที่เปิดเผยตำแหน่งของคุณและจะช่วยติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณ

เช่นเดียวกันกับสิ่งต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ที่อยู่ IP ของคุณก็สามารถถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ชั่วร้ายได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีประโยชน์มากมายในการซ่อน IP ของคุณ:

• ป้องกันการติดตามและการสร้างโปรไฟล์ เว็บไซต์และผู้โฆษณาจะใช้ IP ของคุณเพื่อสร้าง โปรไฟล์อย่างละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณ การซ่อนมันจะเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาสามารถติดตามพฤติกรรมออนไลน์หรือทำการโฆษณาแบบระบุเป้าหมายต่อคุณได้
• เข้าถึงบริการโปรดของคุณได้อย่างปลอดภัย มีเว็บไซต์และบริการออนไลน์มากมายที่จะจำกัดสิ่งที่คุณสามารถทำและเห็นได้ โดยจะขึ้นกับ IP Address ของคุณ บางรายถึงขั้นทำการแบน IP เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเข้าถึงบริการนั้นเลยด้วย ซึ่งก็อาจจะดูไม่ยุติธรรมถ้า address ของคุณนั้นเคยผ่านมือผู้ที่แหกกฎมาก่อน ด้วยการเปลี่ยน IP ของคุณ คุณจะกลับไปเข้าถึงอย่างปลอดภัยได้
• หลีกเลี่ยงการเลือกปฏิบัติทางราคา ร้านค้าออนไลน์มักจะแสดงราคาที่แตกต่างกันขึ้นกับตำแหน่งของคุณ การเปลี่ยน IP ของคุณสามารถช่วยให้คุณเจอข้อเสนอที่ดีขึ้นได้
• ปกป้องคุณจากการโจมตีแบบระบุเป้าหมาย แฮ็กเกอร์สามารถใช้ IP Address ของคุณเพื่อจู่โจมทางไซเบอร์ได้ การซ่อนมันจะทำให้คุณเป็นเป้าหมายที่โจมตียาก มันยังช่วยปกป้องเซสชั่นการเล่นเกมของคุณจากการโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS) ด้วย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าผู้เล่นอีกฝั่งหนึ่งทำการโจมตีแบบนี้ใส่ PC หรือเครื่องเล่นเกมของคุณ
• ดาวน์โหลดอย่างปลอดภัย IP Address ของคุณนั้นเป็นสิ่งที่ผู้อื่นสามารถมองเห็นได้ระหว่างการโหลดบิทหรือการใช้เครือข่าย P2P แต่ถ้าคุณปิดบังมัน คุณก็จะรักษาความเป็นส่วนตัวได้
• ปกป้องความเป็นส่วนตัวที่ทำงาน นายจ้างสามารถใช้ IP Address เพื่อติดตามตำแหน่งและกิจกรรมออนไลน์ของพนักงานจากระยะไกล การซ่อน IP ของคุณจะช่วยให้คุณสามารถรักษาความเป็นส่วนตัวในขณะทำงานที่บ้านได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการซ่อน IP

การซ่อน IP ของฉันนั้นถูกกฎหมายหรือไม่?

แน่นอนการซ่อน IP ของคุณเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ การใช้เครื่องมืออย่าง VPN หรือพร็อกซี่เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์นั้นเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย และก็เป็นเรื่องที่ได้รับการแนะนำให้ทำด้วยสำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย

บริการเหล่านี้จะถูกกฎหมายหรือไม่มันก็ขึ้นกับตำแหน่งที่อยู่ของคุณและคุณทำอะไรในขณะที่ซ่อน IP บางประเทศ เช่น จีน, รัสเซีย และเบลารุสจะจำกัดหรือสั่งห้ามใช้เครื่องมือปิดบัง IP ประเทศอื่น ๆ อนุญาตให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้ แต่จะติดตามการใช้งานมัน

โปรดจำไว้ว่า การซ่อน IP ไม่ได้แปลว่าเรื่องผิดกฎหมายจะกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ตรวจสอบกฎหมายในพื้นที่ทุกครั้ง และใช้เครื่องมือความเป็นส่วนตัวอย่างมีความรับผิดชอบ ทีมงาน The How To Guide ไม่สนับสนุนการใช้เครื่องมือความเป็นส่วนตัวเพื่อทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ใด ๆ ทั้งสิ้น

ฉันสามารถซ่อน IP Address บน Chrome, Safari และ Opera ได้หรือไม่?

คุณสามารถซ่อน IP บนเบราว์เซอร์ด้วยการใช้วิธีใดก็ได้ในบทความนี้ วิธีการเหล่านี้สามารถใช้ได้กับเบราว์เซอร์ทุกเวอร์ชันและทุกอุปกรณ์ ทำให้คุณสามารถซ่อน IP ขณะท่องเว็บได้

Safari จะมีตัวเลือกเสริมให้ใช้งานได้ มันมีฟีเจอร์การซ่อน IP ติดมาในตัว ทำให้คุณสามารถซ่อน IP จากตัวติดตามและเว็บไซต์ได้ เพื่อที่จะเปิดใช้งาน ไปที่ Safari การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัว และเลือก ซ่อนที่อยู่ IP คุณยังสามารถใช้ Private Relay จากการสมัครสมาชิก iCloud+ ได้ด้วย ซึ่งมันจะเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคไปยังจุด relay สองจุดที่แตกต่างกันเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม มันจะใช้งานได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Apple ในบางภูมิภาคเท่านั้น

หากต้องการการปกป้องอย่างเต็มรูปแบบ ให้คุณลองดูตัวเลือกที่สามารถทำงานได้ในระดับระบบแทนที่จะใช้ได้กับเฉพาะเบราว์เซอร์อย่างเช่น VPN สิ่งนี้จะช่วยซ่อน IP บนอุปกรณ์ของคุณไม่ว่าจะใช้งานกับเบราว์เซอร์หรือแอปก็ตาม

ฉันจะซ่อน IP บน iPhone ได้อย่างไร?

ในขณะที่ VPN จะซ่อนที่อยู่ IP ได้ง่ายกว่า แต่บางคุณสมบัติความเป็นส่วนตัวบน iPhone ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน (หรืออย่างน้อยก็ได้บางส่วน) ถ้าคุณสมัครใช้ iCloud+ คุณจะสามารถเปิดใช้ iCloud Private Relay ได้ มันจะเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิค Safari ไปยังอินเทอร์เน็ตรีเลย์ที่มีความปลอดภัยหลายตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เว็บไซต์และผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถดู IP จริงของคุณหรือติดตามกิจกรรมของคุณได้

นอกจากนี้เบราว์เซอร์ Safari ยังมีการตั้งค่าสำหรับการซ่อน IP ซึ่งจะบล็อกตัวติดตามและเว็บไซต์ไม่ให้ดู IP ของคุณได้ นี่จะเป็นการจำกัดการทำโปรไฟล์และการทำโฆษณาแบบเจาะจงเป้าหมายได้ นอกจากนี้คุณสมบัติ Mail Privacy Protection (MPP) ก็ยังสามารถซ่อน IP ของคุณจากผู้ส่งอีเมล ทำให้ยากต่อการติดตามเวลาและสถานที่ที่คุณเปิดอ่านอีเมลอีกด้วย

ฉันสามารถซ่อน IP และตำแหน่งบน Android ได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถใช้ VPN เพื่อซ่อน IP บนอุปกรณ์ Android ได้ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอป VPN ที่เชื่อถือได้ ตั้งค่ามันบนอุปกรณ์ของคุณ และก็ทำการเชื่อมต่อ นี่จะเป็นการเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคของคุณไปยังตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์อื่น และก็เป็นการซ่อนที่อยู่ IP จริงของคุณและเป็นการปลอมตำแหน่งที่คุณอยู่ด้วย นอกจากนี้ การใช้ WiFi หรือฮอตสปอตแบบแชร์ก็สามารถซ่อนที่อยู่ IP ภายในของคุณได้ด้วย แต่ IP ภายนอกที่เครือข่ายจัดสรรให้คุณนั้นจะยังถูกมองเห็นได้อยู่

ฉันสามารถซ่อน IP จากตัวติดตามได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถซ่อน IP ของคุณและก็สามารถบล็อกตัวติดตามบนเว็บได้เลยด้วย เบราว์เซอร์บางตัวจะมีการตั้งค่าเหล่านี้ แต่การใช้ VPN นั้นจะเป็นวิธีที่เชื่อถือได้มากที่สุด VPN ที่ดีจะมีตัวบล็อกโฆษณาและตัวติดตาม เพื่อลดการบุกรุกความเป็นส่วนตัว ทั้งหมดนี้พร้อมการซ่อน IP ของคุณและเข้ารหัสทราฟฟิคไปพร้อม ๆ กันด้วย

ฉันจะตรวจสอบได้อย่างไรว่า IP ของฉันถูกซ่อนแล้วจริง?

มีหลายวิธีในการตรวจสอบว่า IP Address ของคุณถูกซ่อนหรือยัง แต่วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือ การเข้าดูเว็บไซต์ตรวจสอบ IP ก่อนและหลังทำวิธีที่คุณเลือก ถ้า IP Address เปลี่ยนไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าที่อยู่ IP จริงของคุณถูกซ่อนเรียบร้อยแล้ว การตรวจสอบนี้จะใช้งานได้กับวิธีการซ่อน IP ทั้งหมดที่เราระบุไว้ในบทความนี้

หากต้องการการตรวจสอบที่ละเอียดยิ่งขึ้นให้ใช้เครื่องมือทดสอบการรั่วไหลของ IP และ DNS มันจะช่วยตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อของคุณนั้นทำให้ IP จริงของคุณรั่วไหลไปพร้อมกับ WebRTC หรือคำร้อง DNS หรือไม่ มันจะช่วยยืนยันด้วยว่า IPv4 และ IPv6 ของคุณถูกซ่อนอย่างถูกต้องแล้วหรือยัง

อย่าลืมตรวจสอบ IP ของคุณบ่อยๆระหว่างการใช้งานเพื่อให้แน่ใจว่าการปกป้องของคุณทำงานอยู่ตลอด บางวิธีอาจจะขาดการเชื่อมต่ออย่างไม่คาดคิด ซึ่งก็จะทำให้ IP Address จริงของคุณถูกเปิดเผยออกไป

ฉันสามารถซ่อน IP จาก ISP ได้หรือไม่?

การซ่อน IP จาก ISP นั้นเป็นไปไม่ได้ ISP เป็นคนจัดสรร IP ให้คุณ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนมันจากพวกเขา มันจะเป็นเหมือนคุณพยายามซ่อนตู้จดหมายจากคนส่งไปรษณีย์ อย่างไรก็ตาม VPN จะสามารถซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของคุณจาก ISP ได้ VPN จะเข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณ ดังนั้น ISP ของคุณจะไม่สามารถติดตามกิจกรรมของคุณได้ อย่างไรก็ตาม ISP ของคุณจะยังสามารถตรวจจับการใช้งาน VPN ได้

โหมดไม่ระบุตัวตนซ่อน IP Address ของคุณด้วยหรือไม่

ไม่โหมดไม่ระบุตัวตน (หรือโหมดส่วนตัวใน Safari) จะไม่ได้ซ่อน IP Address ของคุณ มันเพียงแค่หยุดไม่ให้เบราว์เซอร์บันทึกประวัติการท่องเว็บ, คุกกี้ และข้อมูลแบบฟอร์มในเครื่อง IP Address ของคุณยังถูกเปิดเผยให้เว็บที่คุณเข้าดู, ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และคนที่ติดตามดูการเชื่อมต่อของคุณได้อยู่ดี ในการจะซ่อน IP ของคุณ คุณจะต้องใช้หนึ่งในวิธีที่กล่าวถึงด้านบน

ฉันสามารถซ่อน IP ฟรีได้หรือไม่?

มีวิธีฟรีให้ใช้งานได้อยู่แต่เราไม่แนะนำ จะดีกว่าถ้าคุณเลือกใช้ VPN พรีเมียม ที่มีการรับประกันคืนเงินแทน ด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถทดสอบฟีเจอร์พรีเมียมได้อย่างไม่มีความเสี่ยง และก็จะขอคืนเงินได้ถ้าคุณไม่พึงพอใจ

ตัวเลือกฟรีอย่างเบราว์เซอร์ Tor และพร็อกซี่สาธารณะจะสามารถซ่อน IP ของคุณได้ แต่มันจะมาพร้อมกับข้อจำกัดที่สำคัญ Tor นั้นจะช้ามาก ๆ ในขณะที่พร็อกซี่ฟรีมักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัย และก็อาจจะเก็บข้อมูลของคุณด้วย VPN ฟรี บางรายก็มีให้ใช้งานได้ แต่มันมักจะจำกัดข้อมูล, มีเซิร์ฟเวอร์น้อย และก็ช้ากว่า

ข้อสรุป

การเลือกวิธีการที่เชื่อถือได้นั้นเป็นเรื่องสำคัญถ้าคุณต้องการจะซ่อน IP เนื่องจากบางวิธีการนั้นจะมีความเสี่ยงมากกว่าวิธีอื่น ๆ โดยทั่วไป คุณไม่ควรจะใช้วิธีการที่จะทำให้ข้อมูลของคุณถูกเปิดเผยต่อสายตาของบุคคลที่สามหรือทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณตกลง ดังนั้นพวกเราจึงได้ทำการทดสอบหลายวิธีในการซ่อน IP เพื่อที่เราจะสามารถนำวิธีที่ใช้งานได้ดีมานำเสนอ

วิธีที่เราชื่นชอบสำหรับการซ่อน IP คือการใช้ VPN VPN อย่าง ExpressVPN นั้นใช้งานง่าย, มีความเร็วสูง และสามารถปิดบังการใช้ VPN ของคุณได้ด้วยการทำ obfuscation แถมมันยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้ ExpressVPN ได้อย่างไม่มีความเสี่ยง หากคุณไม่พอใจในการใช้งาน คุณก็สามารถขอเงินคืนได้เต็มจำนวน

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ The How To Guide ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ ExpressVPN อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา